ให้บูชาวัตถุมงคลประจำปี ๒๕๖๘

รายการที่ ๙๒
ให้บูชาผ้ายันต์กันภัยหายโศกสีเขียว ของ พระอาจารย์เอ บ้านสุมโน
ข้อมูลจากเพจเกษมธรรมบำเพ็ญบุญ
ตามที่เราได้รับรู้ข่าวภัยธรรมชาติต่างๆทั้งในประเทศไทยเเละทั่วโลกตั้งเเต่ต้นปี๖๒ หลวงพ่อเอท่านเป็นห่วงเรื่องของภัยธรรมชาติจึงจัดพิธีบวงสรวงแม่ห้าธาตุ(ดิน น้ำ ลม ไฟ ข้าว) ขึ้นเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา อีกทั้งท่านยัง ดำริจะสร้างวัตถุมงคลขึ้นเพื่อป้องกันภัยที่จะเกิดขึ้น เเรกเริ่มเดิมทีจะทำเป็นเเค่รูปแม่ห้าธาตุปรากฏว่า พระท่านสั่งให้นำหลวงพ่อหายโศกใส่ลงไปในผ้ายันต์ด้วย นอกจากกันภัยเเล้วต้องมีความสุขหายทุกข์หายโศกด้วย ผ้ายันต์รุ่นนี้จึงมีรูปของหลวงพ่อหายโศกเป็นประธาน ด้านข้างทั้งสองฝั่งเป็นเทพเทวดาสักการะ มีดอกบัวบานที่เปรียบดั่งปัญญา ความสำเร็จสมหวังในทุกด้าน ซึ่งเหมือนกับเหรียญสมเด็จองค์ปฐมที่หลวงพ่อเอท่านสร้างไว้ ด้านล่างของหลวงพ่อหายโศก คือหัวใจของพระคาถาเงินล้าน นอกจากกันภัยหายทุกข์โศกเเล้วต้องรวยด้วย นอกจากนั้นหลวงพ่อเอใส่ยันต์เพชรหลีกลงไปด้วยคนที่บูชาจะได้หลบหลีกภัยอันตรายไปได้อย่างปลอดภัย อีกฝั่งเป็นยันต์มะอะอุ ซึ่งอยู่หลังเหรียญสมเด็จองค์ปฐมเช่นกันส่วนด้านล่างสุดของผ้ายันต์จะเป็นรูปของเเม่ทั้งห้าธาตุคือ พระพาย พระคงคา พระธรณี พระโพสพ เเละพระเพลิง ท่านทั้งห้าจะสงเคราะห์ปกปักรักษาดูเเลให้เรารอดพ้นจากภัยต่างๆที่เกิดขึ้นรวมถึงเป็นการปรับธาตุทั้งห้าที่อยู่ในตัวเราด้วย

ผ้ายันต์กันภัยหายโศกนี้คือ ผ้ายันต์รุ่นแรกของหลวงพ่อเอ เรียกได้ว่าทั้งป้องกันภัยอันตรายต่างๆยังมีลาภมากด้วยหัวใจของพระคาถาเงินล้านเเละเมื่อใดที่หลวงพ่อหายโศกปรากฏขึ้นนั่นคือการฝืนกฏของกรรม ตลอดระยะเวลาการจัดสร้างที่เหมือนจะง่ายแต่ไม่ง่ายเลยกว่าจะสำเร็จเป็นผืนผ้ายันต์อย่างที่เห็น
ผ้ายันต์นี้เข้าพิธีแก้วอินทนิล (ของหลวงพ่อเล็ก ซึ่งพิธีนี้พระท่านให้นำลูกแก้วอินทนิลมาเป็นองค์ประธานเสก ซึ่งพระอาจารย์ว่าครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่ใช้แก้วอินทนิล )แสดงว่าต้องมีความสำคัญมาก
++++หลังจากที่หลวงพ่อเอ เล่าถึงการบวงสรวง เเม่ ๕ ธาตุไปเมื่อเร็วๆนี้ ไม่นานก็มีข่าวว่า น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมใหญ่ที่จังหวัดเลยเเละเชียงราย อาจไม่ได้หยุดเพียงเท่านี้ หลวงพ่อท่านเคยเล่า ตอนที่บวงสรวงเเม่ ๕ ธาตุ เมื่อปี ๖๒ ว่าพรหมเทพเทวดา ท่านจะผ่อนหนักเป็นเบา เเต่ก็เเค่ระยะเวลาปีเดียว หลังจากนั้นต้องว่ากันใหม่ เหมือนเป็นสัญญาปีต่อปี เเต่ท่านให้พรไว้ว่า ใครที่พก รูปเเม่ห้าธาตุ เเละมี ผ้ายันต์กันภัยหายโศก พร้อมกับให้ความเคารพเเม่ธาตุทั้ง ๕ ก็จะรอดพ้นภัยพิบัติต่างๆไปได้…(ข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 63)++++
ที่สำคัญผ้ายันต์รุ่นนี้มีพระอาจารย์ถึงสององค์เสก คือหลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนน และ พระอาจารย์บ๊ะ วัดโพธิ์ลังกา นับว่าสุดยอดมากครับ

เห็นว่า ใครบูชาผ้ายันต์นี้จะปลอดภัยจากอันตรายต่าง ๆ ในยุคปัจจุบันได้ครับ
เนื่องจากการเก็ลรักษาไม่ค่อยดีทำให้สีทองลอกหายไป แต่รายละเอียดต่างๆอยู่ครบ อานุภาพดังเดิม เน้นพุทธคุณ
ให้บูชาผืนละ 230 จัดส่ง 40 จองได้สามวันครับ ปิดรายการ
ผมเคลือบพลาสติกมาเรียบร้อยแล้วครับ

 

รายการที่ ๙๓
ให้บูชาควายธนูเนื้อดินคลุกรักปิดทอง ของพ่อแก่เจ้าแสง วัดบ้านตรัง
ท่านได้สร้างขึ้นด้วยจากดินสองฝั่งคลองผสมว่านผงพุทธคุณต่างๆและผงอาถรรพ์เป็นหลัก เช่น ผงนะปถมังนะปัตตลอด ผงพญาทรพี ผงธาตุสี่ รวมทั้งมวลสารเก่าสำคัญๆ นำมาผสมเข้าด้วยกันแล้วลงอักขระตามตำราโบราณ ลบผงถมยันต์ลงอักขระ ยันต์ตรีนิสิงเห ยันต์พระเจ้า ๑๖ พระองค์
บังคับกำกับด้วย มนตราโองการและคาถา มิได้ขาดตลอดทุกเช้าค่ำจนพิธีหุ้งควายคือการนำควาย มาเผากับแกลบจนสว่าง มีข้าวปากหม้อ ปลามีหัวมีหางเซ่นไหว้สำเร็จเสร็จเป็นตัว แล้วนำมาปลุกเสก ในวันเสาร์ วันอังคาร ตกเย็นท่านลงหัวใจพญาควาย อีกครั้ง ท่านว่าเป็นเคล็ดวิชาโบราณเพื่อให้เป็นที่แน่ใจว่าควายธนูของท่านจะได้ อยู่คงเป็นอมตะ ไม่มีวันเสื่อม และ การเซ่นไหว้ เสมือนมีจิต(วิญญาณ)สิงอยู่ หากไม่เซ่นไหว้จะทำให้หุ่นไม่มีเรียวแรงด้อยอิทธิฤทธิ์
ควายธนูพ่อแก่เจ้าแสง ซึ่งใช้ในทางป้องกัน ปัดเป่า เมตตา มหาเสน่ห์ โภคทรัพย์อุดมสมบูรณ์ จึงไม่ใช่หุ่นผีหรือควายผีที่มุ่งหมายเพื่อทำร้ายใครจึงไม่อันตรายหากเราหลง ลืมการเซ่นไหว้ แต่หากท่านต้องการให้ควายมีอิทธิฤทธิ์มากๆ แล้วควรหมั่นเซ่นบูชาเป็นนิจ ด้วยหญ้าคาที่ต้องบริกรรมคาถาเสกด้วยมือเดียว กับน้ำสะอาด
ควายธนูของพ่อแก่เจ้าแสง นั้นเป็นควายธนูสายขาว ไม่ทำร้ายผู้เป็นเจ้าของ โดยมีคุณทางด้าน ป้องกันคุ้มครองผู้บูชาให้พ้นภยันตรายจากภูตผีปีศาจต่อสู้กับอสูรกายตลอดจนคุณไสยต่าง ๆ เมื่อมีผู้คิดร้ายปล่อยของหรือทำมนต์ดำมา
หากเรามีติดบ้านหรือติดตัวไว้ ควายธนูอาถรรพ์ จะทำการต่อสู้ขัดขวางมิให้ใครทำอันตรายแก่เราและครอบครัวได้เลย แม้แต่ผู้ปองร้ายหรือโจรขโมยจะขึ้นบ้านก็ยังช่วยขับไล่ได้ด้วย นิยมไว้ใช้เป็นทหารผี หรือเฝ้าบ้าน นอกจากนี้ยังป้องกันไฟไหม้ ฟ้าผ่า แก้ทางคนพาล อีกทั้งนำพามาซึ่งโชคลาภ เมตตา และค้าขาย อุดมโภคทรัพย์ช่วยหนุนความเป็นอยู่ให้ชีวิตรุ่งเรืองได้ดีมาก

หลวงพ่อเล็ก วัดท่านขนุนได้กล่าวไว้ใน เก็บตกบ้านเติมบุญ เดือนกันยายน ๒๕๖๐ ไว้ว่า
ส่วนใหญ่ท่านทั้งหลายจะมีความเข้มขลังทางวิทยาคมเป็นปกติ เมื่อบวชเข้าไปก็เลยกลายเป็นครูบาอาจารย์ที่ชาวบ้านเขาพึ่งได้ทันที อย่างพ่อแก่เจ้าแสงก็เหมือนกัน อยู่ปัตตานีมาจนกระทั่งอายุ ๑๐๐ กว่าปี ได้ยินชื่อเสียงท่านมานานแล้วตั้งแต่สมัยก่อนบวช ในเขตนี้ถ้าท่านไม่ดีจริงอยู่ไม่ได้หรอก เพราะว่าปัตตานีนี่แทบจะเป็นอีกประเทศหนึ่งแล้ว ปัตตานีน่าจะเป็นจังหวัดที่มีอิสลามมิกชนมากที่สุดในประเทศไทย พอไปถึงแล้วรู้สึกเหมือนกับเราเป็นคนแปลกหน้า

อานุภาพของควายธนู ของพ่อแก่เจ้าแสงบ้านตรัง ซึ่งในเพจของคนขลัง คลังวิชา
ตอนที่ ๑
เรื่องราวนี้เป็นประสบการณ์อัศจรรย์ซึ่งเกิดขึ้น สืบเนื่องจากเมื่อเดือนสิงหาคมข้าพเจ้าและคณะเดินทางไป จ.สงขลา และ จ.ปัตตานี เพื่อไปกราบ หลวงปู่ทวด วัดช้างให้ กับพระเถราจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณและคุณธรรม ในการณ์นี้ได้เดินทางไปกราบ พ่อเจ้าแก่แสง จนฺทวณโณ วัดบ้านตรัง อ.มายอ จ.ปัตตานี และบูชาวัตถุมงคลกันมามากบ้างน้อยบ้าง ส่วนตัวข้าพเจ้าได้บูชาควายธนูขนาดบูชามา ๑ ตัว ขนาดเล็กพกพาอีก ๓ ตัว กับของอย่างอื่นเล็กน้อย ซึ่งควายธนูที่ได้บูชามานี้เองที่สร้างประสบการณ์อัศจรรย์ให้กับตัวข้าพเจ้า กับผู้ร่วมเดินทางครั้งนี้บางฅนชนิดไม่มีวันลืม คิดเห็นว่าควรนำมาบอกเล่าสู่กันฟังว่าของดีราคาเบายังมีอยู่จริง หากท่านใดเชื่อถือสนใจก็ลองดพิจารณาดูเอาตามสมควร ข้าพเจ้าไม่ได้หวังให้ทุกท่านที่อ่านเชื่อถือสนใจทั้งหมด ที่มานำเสนอนี้ไม่ได้มีส่วนได้หรือมีของมาตุนไว้ขาย เพียงเห็นว่าสิ่งใดดีจริงแท้ควรแก่บูชาก็นำมาบอกต่อกันตามตรง ไม่ได้ใส่สีตีไข่ใส่ความฝันสร้างนิทานไว้ขายของ
เรื่องที่ ๒
ควายธนูสร้างความอัศจรรย์
เมื่อคณะเดินทางบูชาวัตถุมงคลต่าง ๆ จนพอใจแล้ว คณะก็เดินทางย้อนกับมาที่ วัดช้างให้ ขณะรถตู้มุ่งหน้าสู่อำเภอโคกโพธิ์ จู่ จู่ แฟนสาวของคุณทวีศักดิ์หนึ่งในคณะก็ร้องดังขึ้น กรี๊ด !! พวกเราหันไปมองเป็นตาเดียว เห็นเธอหน้าซีดเผือดสีหน้าบ่งบอกถึงความตกใจอย่างที่สุด ? เมื่อทุกฅนหันไปมองเธอเงียบไม่พูดอะไร ทุกฅนจึงคิดว่าคุณทวีศักดิ์แหย่แฟนเล่น ต่อเมื่อถึงที่หมายจึงทราบภายหลังว่า ขณะนั่งรถตู้มานั้นแฟนคุณทวีศักดิ์มองเห็นควายธนูในถุง ซึ่งวางอยู่บนเบาะข้างตัว สะบัดคอพรึบพรับอยู่ในถุง เธอจึงตกใจส่งเสียงร้องขึ้นมา แต่เมื่อทุกฅนมองเธอจึงอาย ซึ่งเธอยังได้กระซิบถามคุณทวีศักดิ์เบา ๆ ว่า ทำไมควายตัวนี้คอมันอ่อนจัง ระวังตอนขึ้นเครื่องเดียวคอมันหักนะ เพราะเธอไม่รู้เรื่องพระ แถมเธอยังนึกว่ามีสปริงอยู่ในตัวควายธนู คุณทวีศักดิ์จึงหยิบควายออกจากถุงมาให้เธอจับดู พบจับรู้ว่าคอมันแข็งเพราะปั้นจากดิน (ขนาดบูชา) เธอถึงกับอึ้งแล้วพูดกับคุณทวีศักดิ์ว่า ทำไมหนูเมื่อกี้เห็นคอมันสะบัดได้
เรื่องที่ ๓
เมื่อควายธนูสู้กับปีศาจ
เมื่อคณะเดินทางกับถึงสนามบินดอนเมืองในช่วงค่ำวันพุธ (ไปเช้า-เย็น กลับ) ทุกฅนต่างแยกย้ายกลับบ้าน ซึ่งข้าพเจ้าก็กำชับทุกฅนไว้ก่อนว่า เมื่อนำควายเข้าบ้านให้จุดธูปบอกพระภูมิเจ้าที่ ตลอดจนผีบ้านผีเรือนท่านด้วยว่ามีควายมาอยู่ในบ้าน พอเช้าวันศุกร์ได้รับการติดต่อจากหนึ่งในคณะเดินทาง คือ คุณวีรพงศ์ เตมัยสมิธิ (คุณบอล) เจ้าของกิจการโรงงานทำบรรจุภัณฑ์พลาสติก ชื่อ บริษัท โอแอนด์ซี พลาสติก จำกัด คุณบอลโทร.หาข้าพเจ้าในเช้าวันศุกร์ เล่าว่าเมื่อเอาควายธนูเข้าบ้านก็ทำตามที่บอกทั้งหมด แต่ในตอนค่ำของวันพฤหัสฯ เมื่อกลับจากงาน เข้าบ้านมาก็ได้กลิ่นสาบคลุ้งไปทั่วชั้นที่คุณบอลพัก กลิ่นนี้คล้ายกลิ่นคอกหรือกรงในสวนสัตว์ เป็นกลิ่นสาบสางที่รุนแรงมาก คืนนั้นคุณบอลนอนไม่เป็นสุขคิดในใจว่าต้องบอกข้าพเจ้าให้ได้
เมื่อได้ฟังจากคุณบอลที่โทรมาหา ข้าพเจ้าทราบทันทีว่า คุณบอลคิดว่ากลิ่นนี้มาจากควายธนู ซึ่งความจริงจากที่ศึกษามา ข้าพเจ้าฟันธงได้ทันทีว่า กลิ่นสาบนี้ไม่ใช่จากควาย เพราะควายธนูนี้เสกขึ้นเป็นรูปพยนต์ โดยสมมุติจากโคอุสุภราชทรงฤทธิ์ ใช่เสกทำในรูปสัตว์เดรัจฉานธรรมดาจึงไม่มีกลิ่นสาบแน่นอน ข้าพเจ้าจึงตอบกลับไปว่า บ้านพักคุณบอลมีปีศาจกลิ่นที่เกิดขึ้นนี้ เกิดจากปีศาจหรืออสุรกาย ซึ่งสิงอยู่ในบ้านคุณบอลแน่นอน การที่วิญญาณสำแดงเดชให้เกิดกลิ่นนี้มองได้สองแง่ คือ
เมื่อควายธนูเข้าบ้านมาคงเจอกับปีศาจตนนี้ ควายจึงซัดเข้าให้แล้วเกิดการสู้กันจนบาดเจ็บ
ปีศาจเจอควายเขากลัวไม่ชอบ จึงแสดงกลิ่นให้ฅนในบ้านคิดกลัวว่าแล้วนำควายออกไป
ข้าพเจ้าอยู่กับหลวงปู่เดินหนมาสิบกว่าปี ท่านสอนศาสตร์เกี่ยวกับวิญญาณไว้พอควร จึงรู้ว่าผีก็มีประเภทใช้ลูกเล่นเป็นทั้งสิ้น จึงถามคุณบอลว่าที่พักนี้มีใครเคยเจอเหตุการณ์แปลก ๆ บ้างหรือไม่ คุณบอล จึงว่ายบ้านนี้อยู่มานานหลายสิบปี จะมีก็น้องสาวกับคุณแม่ที่เคยเจอ ผีอำ ส่วนน้องเขยที่มาพัก หากวันไหนอยู่ฅนเดียว จะได้ยินเสียงผู้ชายและเสียงเปิดปิดประตู ภายหลังน้องเขยจึงไม่อยากมานอนอีก
เรื่องที่ ๔
ใช้ควายธนูไล่ปีศาจ
คุณบอลได้ฟังจึงรีบมาหาข้าพเจ้าในช่วงสาย ข้าพเจ้าจึงมอบภาพบูชาของ หลวงปู่เดินหน อิเกสาโร ให้ไปหนึ่งภาพ แล้วบอกวิธีการให้ลองทำน้ำมนต์จากควายธนู เพราะหากใช้น้ำมนต์พรมรอบพื้นที่แล้ว ให้สังเกตว่าหากกลิ่นสาบนี้ไปรวมกันอยู่จุดใด ให้รู้ไว้เลยว่าปีศาจนั้นสิงอยู่ตรงนั้น และข้าพเจ้ามั่นใจมากจึงบอกไปว่า กลิ่นต้องไปรวมกันแน่นอน แสดงให้ทราบได้เลยว่าบ้านคุณบอล #มีแขกไม่รับเชิญแอบแฝงอยู่แน่นอน คุณบอลจึงทำตามที่ข้าพเจ้าบอก เมื่อได้น้ำมนต์แล้วคุณบอลก็เดินพรมทั่วชั้นที่มีกลิ่นแล้วเข้านอน
น่าแปลกที่พอรุ่งเช้าปรากฏว่า กลิ่นไปรวมกันที่เสากลางบ้านจุดเดียว เช้าวันเสาร์คุณบอลนำภาพหลวงปู่เดินหนขึ้นหิ้งบูชา แล้วจุดธูปบอกเล่าต่อท่าน ช่วงสายคุณบอลติดต่อมาหาข้าพเจ้า น้ำเสียงตื่นเต้นบ่งถึงสิ่งที่คุณบอลรู้สึกแล้วเล่าว่า ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อที่กลิ่นสาบรุนแรงที่เคยมี บัดนี้กลิ่นไปรวมอยู่ที่เสาอย่างประหลาด คุณบอลว่าหากไม่เจอกับตัว จะไม่เชื่อเลยกับสิ่งที่พบเจอ ข้าพเจ้าจึงว่า วันนี้ต้องแตกหัก วิญญาณนี้เป็นวิญญาณไม่ให้คุณ ต้องให้ออกไปจากบ้านในวันนี้ หากสงสารปล่อยไว้ก็เท่านั้น
คุณบอลจึงทำน้ำมนต์จากควายธนูอีกครั้ง คราวนี้ให้ใช้ขันและที่พรมน้ำมนต์ของใหม่ จุดธูปบอกหลวงปู่เดินหนขอบารมีท่านด้วย พอได้น้ำมนต์จากควายธนูแล้วก็ให้อธิษฐานว่า
เมื่อน้ำมนต์นี้พรมไปจุดใดของควายธนูจงติดตามขับไล่ตามสายน้ำมนต์นี้ หากที่นั้นมีวิญญาณร้ายผู้ไม่ให้คุณแฝงเร้นอยู่ #ขอควายจงขับไล่ออกไปเสียจากเคหะสถานแห่งนี้ จากนี้ทุกจุดที่พรมน้ำมนต์ลงไป #ขอให้ควายธนูจงดูแลตามแนวเขตที่พรมน้ำมนต์นี้ตลอดไป อย่าให้มีวิญญาณใดเล็ดลอดเข้ามาได้อีกเลย
เมื่อทำตามดังนี้คุณบอลก็รอไม่ได้สนใจคอยดู ด้วยต้องพาครอบครัวออกไปพักผ่อนในวันหยุด กลับมาตอนดึกก็เข้านอนลืมเรื่องต่าง ๆ ด้วยอ่อนเพลีย เช้าวันอาทิตย์คุณบอลเดินสำรวจทั่วบ้าน ปรากฏว่ากลิ่นสาบหายสนิท รู้สึกว่าวันนั้นมีความโล่งโปร่งสบายเย็นกายเย็นใจ นับเป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าบ้านโปร่งสบายอย่างประหลาด คุณบอลโทร.มาบอกข้าพเจ้าว่า ได้โทร.ลงไปสั่งควายธนูขนาดบูชาจาก วัดบ้านตรังมาเพิ่มอีก ๓ ตัว ขนาดเล็กมาอีก ๒๐ ตัว เพื่อเอามาแจกญาติพี่น้อง ด้วยมั่นใจอย่างที่สุดกับควายธนูชุดนี้ และอนุญาตให้ข้าพเจ้าลงชื่อนามสกุลจริงของท่าน เพื่อยืนยันเรื่องราวที่เกิดขึ้นดังนี้
ปัจจุบันวัดบ้านตรังตั้งอยู่ในเขตพื้นทีสีแดง ทางวัดยังขาดแคลนปัจจัยต่าง ๆ อยู่พอสมควร ทั้งพ่อเจ้าแก่แสงเวลานี้ก็อาพาตหนักไม่สามารถปลุกเสกวัตถุมงคลได้แล้ว ควายธนูที่เหลือตกค้างนี้จึงถือเป็นชุดสุดท้าย หากท่านใดสนใจขอให้ติดต่อกับทางวัดโดยตรง บทความนี้ทางวัดก็มิได้รับรู้ ข้าพเจ้ามาเขียนบอกเล่าด้วยใจจริง ตามความเป็นจริงที่พึงมีพึงเป็นดังนี้ หากบทความนี้ได้พอแบ่งเบาช่วยเหลือทางวัดบ้านตรัง และพ่อท่านเจ้าแก่งแสงได้บ้าง ข้าพเจ้าก็ขอบอกต่อความจริงที่เกิดขึ้นแล้วดังนี้
หมายเหตุ : ควายธนูชุดนี้เป็นของดีเกินราคา เชื่อว่าคุณวิเศษไม่ต่างจากควายธนูสำนักที่ราคาแพงเลย ซึ่งจะอธิบายในบทความตอนที่ ๒ ว่าควายชุดนี้ดีอย่างไร

ปัจจุบันพ่อแก่เจ้าแสงท่านมรณภาพแล้วครับเมื่อปี 2560 สรีระสังขารยังอยู่ครับ
จะหาท่านที่สร้างควายธนูได้ขลังแบบนี้ได้ยากแล้วครับ
ให้บูชา 750 จัดส่ง 40 จองได้สามวัน

 

ขอจองครับ

 

รับทราบการจองรายการที่ ๙๓ ควายธนู พ่อแก่เจ้าแสงครับ ขอบพระคุณมากครับ

 

รายการที่ ๙๔
ให้บูชาตะกรุดลาภรอบโลก เนื้อทองแดง รุ่นนี้พระอาจารย์บ๊ะ วัดโพธิ์ลังกา อินทร์บุรี
ตะกรุดขนาด ขนาด 2 * 2 นิ้ว
ข้อมูลมีดังนี้
ถ้ากล่าวถึง หลวงพ่อเจียร วัดควนรู้
คงไม่ค่อยมีใครรู้จักท่านเท่าไร
วัตถุมงคลของท่านครบเครื่องทุกเรื่องโดยเฉพาะเรื่องโภคทรัพย์ ครั้งนึงมีผู้ใหญ่ท่านนึงถวาย
พระปิดตาหลวงพ่อเจียร
กับหลวงพ่อไปราว ๑๐ องค์
ซึ่งแกได้รับมาจากหลวงพ่อเจียรมาหลายสิบปี
ก่อน หลวงพ่อได้มาก็แจกไปจนหมด
ท่านก็เล่าให้คนที่ได้รับพระปิดตาว่า
ท่านเก่งโภคทรัพย์มากกก
พระปิดตาชุดนี้ก็แทบไม่มีให้เห็นในตลาดเลย
นอกจากนี้ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่หา
ได้ยากยิ่งกว่าพระปิดตาคือ
ตะกรุดลาภรอบโลก ซึ่งท่านทำไว้น้อยมาก
ผู้ใหญ่ท่านนี้ก้มีติดตัวไว้แค่ดอกเดียวตั้งแต่ได้มาก็ใช้ติดตัวตลอดไม่เคยห่าง เพราะประสบการณ์ทางโชคลาภและโภคทรัพย์นานับประการ
ตะกรุดนี้ก็ถือว่ามาจะช่วยท่านได้มาในยุคนี้
กระแสกำลังโภคทรัพย์จากตะกรุดนี้
จะเป็นกำลังอีกแบบที่ท่านจะไม่เคยพบเห็นครับ
จะเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่จัดสร้างครับ
ตะกรุดลาภรอบโลกนี้มียันต์ ๒ ด้าน
ด้านนึงเป็นวงกลมอีกด้านเป็นสี่เหลี่ยม
ด้านที่เป็นยันต์วงกลมเปรียบเสมือนท้องฟ้า
อุปมาดั่งโลกเดินกลยันต์คาถาจากนอกเข้า
ในมีนัยยะแฝงไว้คือโภคทรัพย์เงินทอง
ที่จะวิ่งเข้ามาหาตัวเรา โดยเฉพาะยันต์เล็กๆ
ตรงกลางวงกลมหลวงพ่อบ๊ะก็กำหนด
เฉพาะลงไปว่าต้องเป็นยันต์นี้เท่านั้นด้วย
ส่วนด้านที่เป็นยันต์สี่เหลี่ยมเปรียบเสมือน
พื้นดินเดินกลยันต์คาถาเป็นตารางสี่เหลี่ยม
ดุจตะข่ายยันต์ไว้คอยหาทรัพย์ ดักทรัพย์
คาถาที่ใช้เดินในยันต์ก็เป็น
คาถาเฉพาะของตะกรุดลาภรอบโลก
ซึ่งน้อยคนนักที่จะรู้คาถานี้ มีการเอ่ยถึง
โลก โภคทรัพย์ ธาตุสี่
ซึ่งวิชานี้เป็นความปัจเจกเฉพาะ
ของหลวงพ่อเจียรท่าน และให้ผลพิเศษ
หลายประการที่ไม่มีในตะกรุดโภคทรัพย์แบบอื่น ดังส่วนนึงของถ้อยคำที่อยู่บนกระดาษเก่าๆลายมือท่าน ว่า
จงนำลาภร้อยแปดประการมาให้ข้าพเจ้า........ อย่ารู้จักสุดสิ้นเหมือนดินน้ำลมไฟที่มีอยู่ในโลกและรอบโลกนั้น เทอญ
ยันต์นี้เป็นยันต์ที่แปลกมาก
เนื่องจากพระคาถาที่ใช้ในพระยันต์นี้
จะเรียกลาภมาให้เพิ่มเป็นทวีคูณไม่มีที่สิ้นสุด
จาก สิบเป็นร้อย จากร้อยเป็นพัน
จากพันเป็นหมื่น เป็นแสน เป็นล้าน ไปเรื่อยๆ
ซึ่งจะไม่เหมือนยันต์มหาลาภโดยทั่วไป
และ เป็นมหาลาภที่ไม่จำกัดเขต หรือข้อจำกัดใดๆเป็นเรื่องที่ยากในการเสาะแสวงหาตำราแบบนี้มาใช้ได้ ซึ่งปีนี้ทุกท่านคงมีความจำเป็นที่จะต้องใช้กันในสถานการณ์ปัจจุบัน อย่างน้อยติดตัวไว้สักคนละ 1 ดอก จะได้มีความคล่องตัวในความเป็นอยู่นะครับ

ให้บูชา 580 จัดส่ง 40 จองได้สามวันครับ

 

รายการที่ ๙๕
รายการฝาก
ให้บูชาสมเด็จพระคำข้าว รุ่น 2 วัดท่าขนุน พิมพ์ใหญ่ จันทร์ลอยขนาด 3.9 เซ็นต์
สำหรับข้อมูลของรุ่นนี้มีดังนี้
พระสมเด็จคำข้าวมหาลาภปลดหนี้ ๒ แผ่นดิน
พุทธาภิเษก ๒ วาระ
วาระแรก วันพฤหัสบดีที่ ๓ เมษายน ๒๕๖๘ ที่วัดไร่ขิง (พระอารามหลวง)
หลวงพ่อเล็กกล่าวในเสียงธรรมแห่งวัดท่าขนุน วันที่ ๓ เมษายน ๒๕๖๘ ว่า
กระผม/อาตมภาพเข้าสู่สมาธิ กราบอาราธนาบารมีพระท่านช่วยสงเคราะห์ เห็นรัศมีเป็นเส้นสีทองมหึมายาวเหยียดพุ่งมาตลอด ๕ ทิศ
ปรากฏว่าเส้นแรกนั้นมาจาก #หลวงพ่อโต วัดบางพลีใหญ่ใน (พระอารามหลวง) จังหวัดสมุทรปราการ
เส้นที่ ๒ มาจากหลวงพ่อโสธร วัดโสธรวราราม วรวิหาร จังหวัดฉะเชิงเทรา
เส้นที่ ๓ มาจากหลวงพ่อวัดบ้านแหลม (วัดเพชรสมุทร วรวิหาร) จังหวัดสมุทรสงคราม
เส้นที่ ๔ มาจากหลวงพ่อวัดเขาตะเครา จังหวัดเพชรบุรี
เส้นที่ ๕ มาจากหลวงพ่อวัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) จังหวัดนครปฐม นี้เอง
ทั้ง ๕ เส้นรวมกันเป็นเกลียวสีทองอร่ามใหญ่โตมาก แล้วก็พันรอบมณฑลพิธี รวบสูงขึ้นไปจนกลายเป็นเจดีย์ทองตระหง่านเต็มฟ้า หลังจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสีทองอร่าม #ครอบมณพลพิธีทั้งหมดเอาไว้..!
กระผม/อาตมภาพรีบกราบอาราธนาบารมีพระที่สงเคราะห์ว่า ขอให้ช่วยอนุเคราะห์สงเคราะห์ไปถึงวัตถุมงคลวัดท่าขนุน ก็คือพระสมเด็จคำข้าวมหาลาภปลดหนี้ ๒ แผ่นดินด้วย เพราะว่านาน ๆ จะมีนิมิตลักษณะพิสดารแบบนี้ #แปลว่าต้องมีอะไรดีแน่นอน
พระท่านบอกว่า พญานาคนั้นก็คือตัวแทนของผู้พิทักษ์พระพุทธศาสนา ถ้าหากว่าในด้านร้ายก็เป็นภัยพิบัติได้อย่างหนึ่ง เนื่องเพราะว่าพญานาคนั้นมีกายใหญ่โต และมีฤทธิ์มาก ถ้าหากว่าสำแดงฤทธิ์ขึ้นมาเมื่อไร อาจจะก่อให้เกิดภัยธรรมชาติได้ ดังนั้น..นิมิตที่เห็นนี้จึงหมายความว่า วัตถุมงคลรุ่นนี้สามารถที่จะป้องกันภัยพิบัติได้ แล้วในขณะเดียวกัน สามารถที่จะช่วยผู้ที่เคารพนับถือ ในการป้องกันรักษาด้านต่าง ๆ อีกด้วย
กระผม/อาตมภาพกราบในบารมีพระที่ท่านเมตตาสงเคราะห์บอกกล่าว กำหนดใจจดจ่ออยู่ที่วัตถุมงคลของตนเอง ก็คือหลวงพ่อพระสมเด็จคำข้าวมหาลาภปลดหนี้ ๒ แผ่นดิน ตั้งใจอาราธนาบารมีของท่านครอบคลุมลงไป จนกระทั่งกลายเป็นแก้วระยิบระยับทั้งหมด

พุทธาภิเษกวาระที่ ๒ ที่วัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๖๘
หลวงพ่อเล็กท่านได้กล่าวไว้ในเสียงธรรใมแห่งวัดท่าขนุน วันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๖๘ (ผมขอนำข้อความบางช่วงบางตอน)

สำหรับวันนี้หลายท่านก็จะเห็นแล้วว่า ทางวัดของเราจัดสถานที่ในการเตรียมปลุกเสกพระสมเด็จคำข้าวมหาลาภปลดหนี้ ๒ แผ่นดิน ซึ่งจะว่าไปแล้วไม่จำเป็นต้องปลุกเสกใหม่ก็ได้ แต่ว่าคนส่วนหนึ่งก็มักจะมั่นใจเมื่อได้เห็นพิธีกรรม จึงต้องทำให้เขาเห็นเพื่อรักษากำลังใจกัน

มีข้อความที่หลวงพ่อเล็กกล่าวถึงการสร้างสมเด็จพระคำข้าวรุ่นนี้ในเสียงธรรมแห่งวัดท่าขนุน วันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ (ผมขอนำข้อความบางช่วงบางตอน)
เมื่อพระท่านอนุญาตและบอกแบบให้มาเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้ว โดยที่ให้เอาผงคำข้าวที่เหลืออยู่ผสมลงไป แล้วก็พยายามที่จะทำให้แข็งแกร่งพอที่จะสามารถแช่ทำน้ำมนต์ได้ด้วย กระผม/อาตมภาพจึงมอบหมายให้ผู้ติดต่อประสานงานเอาปัญหานี้ไปปรึกษากับทางโรงงานสร้างวัตถุมงคล ซึ่งในระยะนี้ไม่มีใครกล้าสร้างกันสักเท่าไร เนื่องเพราะว่าสร้างไปก็ขายไม่ออก..!
ส่วนอีกข้อความหนึ่งว่า
วัตถุมงคลชุดนี้ก็คงจะออกในปีหน้า เนื่องเพราะว่ามีเสาร์ ๕ อยู่ ๒ ครั้ง ขอให้ชื่อว่า "พระคำข้าวมหาลาภปลดหนี้ ๒ แผ่นดิน" แล้วในขณะเดียวกัน ภาวะอื่น ๆ ที่บีบคั้นเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ เรื่องสงครามก็ตาม จะได้อาศัยพุทธานุภาพนี้ นำตัวเราให้อยู่รอดปลอดภัย ไม่ยากลำบากในขณะที่สภาวะวิกฤตของโลกหนักขึ้นไปทุกที

หลวงพ่อเล็กได้กล่าวไว้ในเสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๙ มีนาคม ๒๕๖๘ (ผมขอนำข้อความบางช่วงบางตอน)
พระสมเด็จคำข้าวมหาลาภปลดหนี้ ๒ แผ่นดิน (พิมพ์ใหญ่) รุ่นนี้ ที่ได้นำมาเพื่อออกในกระทู้กฐินปลดหนี้ของวัดน้อย (หลวงพ่อเนียม) ด้านหน้าจึงยังเป็นพระพุทธรูปศิลปะลังกาประจำสนามบินนานาชาติบันดรานายะเก ซึ่งเป็นสนามบินประจำกรุงโคลอมโบ ประเทศศรีลังกา ส่วนด้านหลังเป็นตราประจำองค์กรพระอุปัชฌาย์รุ่นที่ ๕๑ ในเขตปกครองคณะสงฆ์หนกลาง ซึ่งกระผม/อาตมภาพนั้นทำหน้าที่ประธานรุ่นมา ๘ ปี เข้าปีที่ ๙ ในวันนี้แล้ว
เพื่อนฝูงที่เป็นพระอุปัชฌาย์เมื่อ "ส่อง" ในเฟซบุ๊กแล้ว ก็พากันชมว่าออกแบบได้งดงามมากเป็นพิเศษ แต่กระผม/อาตมภาพไม่ได้ใส่ใจตรงความงดงามนั้น เนื่องเพราะว่าการสร้างพระทุกครั้ง ก็ตั้งใจให้ออกมางามที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะว่ากำลังใจของคน ถ้าเห็นพระงาม ๆ แล้ว ก็จะได้เกิดอนุสติ มีความรักชอบขึ้นมาเอง
แต่ว่างานนี้เนื่องจากว่าสภาพเศรษฐกิจก็ดี ภัยสงครามก็ดี ภัยธรรมชาติก็ตาม เกิดขึ้นทั่วโลก การปลุกเสกจึงต้องขอบารมีพระท่านช่วยสงเคราะห์ให้เป็นพิเศษ ยังไม่ทราบเหมือนกันว่าในวันปลุกเสกท่านจะให้อะไรบ้าง แต่เนื่องจากว่าวัตถุมงคลรุ่นนี้ได้ผสมผงคำข้าว ซึ่งสร้างพระสมเด็จคำข้าว (วัดท่าขนุน) โดยได้รับการเสกเอาไว้ดีแล้ว ไม่จำเป็นต้องเสกอีกก็ได้
แต่ด้วยความที่ว่าการที่เราจัดทำพิธีให้เห็นอย่างเป็นหลักเป็นฐาน เป็นงานเป็นการ จะสร้างความมั่นใจให้กับญาติโยมได้มากกว่า แล้วการตั้งเครื่องบวงสรวงครบชุด เมื่อถึงเวลายังสามารถที่จะกราบขอบารมีพระท่าน ให้สงเคราะห์ในสิ่งที่ไม่เกินวิสัยอีกด้วย กระผม/อาตมภาพจึงตั้งใจว่า จะทำการปลุกเสกวัตถุมงคลชุดนี้ ในช่วงปฏิบัติธรรมวันสงกรานต์ ๒๕๖๘ ของวัดท่าขนุน เสร็จแล้วถึงจะได้ให้ไอ้ตัวเล็กนำไปแจกจ่ายให้กับผู้ที่สั่งจองต่อไป

ฝากมาที่ 700 จัดส่ง 40 จองได้สามวัน

 

รับทราบการจองรายการที่ ๙๔ ตะกรุดลาภรอบโลกครับ ขอบพระคุณมากครับ

 

-ขอจองครับ

 

รับทราบการจองรายการที่ ๙๕ พระคำข้าวรุ่น ๒ วัดท่าขนุนครับ ขอบพระคุณมากครับ

 

รายการที่ ๙๖
รายการฝาก
ให้บูชาสมเด็จพระคำข้าว รุ่น 2 วัดท่าขนุน พิมพ์เล็ก จันทร์ลอย ขนาด 2.6 ซม.
สำหรับข้อมูลของรุ่นนี้มีดังนี้
พระสมเด็จคำข้าวมหาลาภปลดหนี้ ๒ แผ่นดิน
พุทธาภิเษก ๒ วาระ
วาระแรก วันพฤหัสบดีที่ ๓ เมษายน ๒๕๖๘ ที่วัดไร่ขิง (พระอารามหลวง)
หลวงพ่อเล็กกล่าวในเสียงธรรมแห่งวัดท่าขนุน วันที่ ๓ เมษายน ๒๕๖๘ ว่า
กระผม/อาตมภาพเข้าสู่สมาธิ กราบอาราธนาบารมีพระท่านช่วยสงเคราะห์ เห็นรัศมีเป็นเส้นสีทองมหึมายาวเหยียดพุ่งมาตลอด ๕ ทิศ
ปรากฏว่าเส้นแรกนั้นมาจาก #หลวงพ่อโต วัดบางพลีใหญ่ใน (พระอารามหลวง) จังหวัดสมุทรปราการ
เส้นที่ ๒ มาจากหลวงพ่อโสธร วัดโสธรวราราม วรวิหาร จังหวัดฉะเชิงเทรา
เส้นที่ ๓ มาจากหลวงพ่อวัดบ้านแหลม (วัดเพชรสมุทร วรวิหาร) จังหวัดสมุทรสงคราม
เส้นที่ ๔ มาจากหลวงพ่อวัดเขาตะเครา จังหวัดเพชรบุรี
เส้นที่ ๕ มาจากหลวงพ่อวัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) จังหวัดนครปฐม นี้เอง
ทั้ง ๕ เส้นรวมกันเป็นเกลียวสีทองอร่ามใหญ่โตมาก แล้วก็พันรอบมณฑลพิธี รวบสูงขึ้นไปจนกลายเป็นเจดีย์ทองตระหง่านเต็มฟ้า หลังจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสีทองอร่าม #ครอบมณพลพิธีทั้งหมดเอาไว้..!
กระผม/อาตมภาพรีบกราบอาราธนาบารมีพระที่สงเคราะห์ว่า ขอให้ช่วยอนุเคราะห์สงเคราะห์ไปถึงวัตถุมงคลวัดท่าขนุน ก็คือพระสมเด็จคำข้าวมหาลาภปลดหนี้ ๒ แผ่นดินด้วย เพราะว่านาน ๆ จะมีนิมิตลักษณะพิสดารแบบนี้ #แปลว่าต้องมีอะไรดีแน่นอน
พระท่านบอกว่า พญานาคนั้นก็คือตัวแทนของผู้พิทักษ์พระพุทธศาสนา ถ้าหากว่าในด้านร้ายก็เป็นภัยพิบัติได้อย่างหนึ่ง เนื่องเพราะว่าพญานาคนั้นมีกายใหญ่โต และมีฤทธิ์มาก ถ้าหากว่าสำแดงฤทธิ์ขึ้นมาเมื่อไร อาจจะก่อให้เกิดภัยธรรมชาติได้ ดังนั้น..นิมิตที่เห็นนี้จึงหมายความว่า วัตถุมงคลรุ่นนี้สามารถที่จะป้องกันภัยพิบัติได้ แล้วในขณะเดียวกัน สามารถที่จะช่วยผู้ที่เคารพนับถือ ในการป้องกันรักษาด้านต่าง ๆ อีกด้วย
กระผม/อาตมภาพกราบในบารมีพระที่ท่านเมตตาสงเคราะห์บอกกล่าว กำหนดใจจดจ่ออยู่ที่วัตถุมงคลของตนเอง ก็คือหลวงพ่อพระสมเด็จคำข้าวมหาลาภปลดหนี้ ๒ แผ่นดิน ตั้งใจอาราธนาบารมีของท่านครอบคลุมลงไป จนกระทั่งกลายเป็นแก้วระยิบระยับทั้งหมด

พุทธาภิเษกวาระที่ ๒ ที่วัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๖๘
หลวงพ่อเล็กท่านได้กล่าวไว้ในเสียงธรรใมแห่งวัดท่าขนุน วันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๖๘ (ผมขอนำข้อความบางช่วงบางตอน)

สำหรับวันนี้หลายท่านก็จะเห็นแล้วว่า ทางวัดของเราจัดสถานที่ในการเตรียมปลุกเสกพระสมเด็จคำข้าวมหาลาภปลดหนี้ ๒ แผ่นดิน ซึ่งจะว่าไปแล้วไม่จำเป็นต้องปลุกเสกใหม่ก็ได้ แต่ว่าคนส่วนหนึ่งก็มักจะมั่นใจเมื่อได้เห็นพิธีกรรม จึงต้องทำให้เขาเห็นเพื่อรักษากำลังใจกัน

มีข้อความที่หลวงพ่อเล็กกล่าวถึงการสร้างสมเด็จพระคำข้าวรุ่นนี้ในเสียงธรรมแห่งวัดท่าขนุน วันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ (ผมขอนำข้อความบางช่วงบางตอน)
เมื่อพระท่านอนุญาตและบอกแบบให้มาเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้ว โดยที่ให้เอาผงคำข้าวที่เหลืออยู่ผสมลงไป แล้วก็พยายามที่จะทำให้แข็งแกร่งพอที่จะสามารถแช่ทำน้ำมนต์ได้ด้วย กระผม/อาตมภาพจึงมอบหมายให้ผู้ติดต่อประสานงานเอาปัญหานี้ไปปรึกษากับทางโรงงานสร้างวัตถุมงคล ซึ่งในระยะนี้ไม่มีใครกล้าสร้างกันสักเท่าไร เนื่องเพราะว่าสร้างไปก็ขายไม่ออก..!
ส่วนอีกข้อความหนึ่งว่า
วัตถุมงคลชุดนี้ก็คงจะออกในปีหน้า เนื่องเพราะว่ามีเสาร์ ๕ อยู่ ๒ ครั้ง ขอให้ชื่อว่า "พระคำข้าวมหาลาภปลดหนี้ ๒ แผ่นดิน" แล้วในขณะเดียวกัน ภาวะอื่น ๆ ที่บีบคั้นเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ เรื่องสงครามก็ตาม จะได้อาศัยพุทธานุภาพนี้ นำตัวเราให้อยู่รอดปลอดภัย ไม่ยากลำบากในขณะที่สภาวะวิกฤตของโลกหนักขึ้นไปทุกที

หลวงพ่อเล็กได้กล่าวไว้ในเสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๙ มีนาคม ๒๕๖๘ (ผมขอนำข้อความบางช่วงบางตอน)
พระสมเด็จคำข้าวมหาลาภปลดหนี้ ๒ แผ่นดิน (พิมพ์ใหญ่) รุ่นนี้ ที่ได้นำมาเพื่อออกในกระทู้กฐินปลดหนี้ของวัดน้อย (หลวงพ่อเนียม) ด้านหน้าจึงยังเป็นพระพุทธรูปศิลปะลังกาประจำสนามบินนานาชาติบันดรานายะเก ซึ่งเป็นสนามบินประจำกรุงโคลอมโบ ประเทศศรีลังกา ส่วนด้านหลังเป็นตราประจำองค์กรพระอุปัชฌาย์รุ่นที่ ๕๑ ในเขตปกครองคณะสงฆ์หนกลาง ซึ่งกระผม/อาตมภาพนั้นทำหน้าที่ประธานรุ่นมา ๘ ปี เข้าปีที่ ๙ ในวันนี้แล้ว
เพื่อนฝูงที่เป็นพระอุปัชฌาย์เมื่อ "ส่อง" ในเฟซบุ๊กแล้ว ก็พากันชมว่าออกแบบได้งดงามมากเป็นพิเศษ แต่กระผม/อาตมภาพไม่ได้ใส่ใจตรงความงดงามนั้น เนื่องเพราะว่าการสร้างพระทุกครั้ง ก็ตั้งใจให้ออกมางามที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะว่ากำลังใจของคน ถ้าเห็นพระงาม ๆ แล้ว ก็จะได้เกิดอนุสติ มีความรักชอบขึ้นมาเอง
แต่ว่างานนี้เนื่องจากว่าสภาพเศรษฐกิจก็ดี ภัยสงครามก็ดี ภัยธรรมชาติก็ตาม เกิดขึ้นทั่วโลก การปลุกเสกจึงต้องขอบารมีพระท่านช่วยสงเคราะห์ให้เป็นพิเศษ ยังไม่ทราบเหมือนกันว่าในวันปลุกเสกท่านจะให้อะไรบ้าง แต่เนื่องจากว่าวัตถุมงคลรุ่นนี้ได้ผสมผงคำข้าว ซึ่งสร้างพระสมเด็จคำข้าว (วัดท่าขนุน) โดยได้รับการเสกเอาไว้ดีแล้ว ไม่จำเป็นต้องเสกอีกก็ได้
แต่ด้วยความที่ว่าการที่เราจัดทำพิธีให้เห็นอย่างเป็นหลักเป็นฐาน เป็นงานเป็นการ จะสร้างความมั่นใจให้กับญาติโยมได้มากกว่า แล้วการตั้งเครื่องบวงสรวงครบชุด เมื่อถึงเวลายังสามารถที่จะกราบขอบารมีพระท่าน ให้สงเคราะห์ในสิ่งที่ไม่เกินวิสัยอีกด้วย กระผม/อาตมภาพจึงตั้งใจว่า จะทำการปลุกเสกวัตถุมงคลชุดนี้ ในช่วงปฏิบัติธรรมวันสงกรานต์ ๒๕๖๘ ของวัดท่าขนุน เสร็จแล้วถึงจะได้ให้ไอ้ตัวเล็กนำไปแจกจ่ายให้กับผู้ที่สั่งจองต่อไป

ฝากมาที่ 500 จัดส่ง 40 จองได้สามวัน

 

รายการที่ ๙๗
ให้บูชาแท่งตะกั่วกันภัย ๘ ทิศ ของพระอาจารย์บ๊ะ วัดโพธิ์ลังกา อินทร์บุรี
สำหรับข้อมูลรุ่นนี้มีดังนี้
แท่งตะกั่วกันภัย ๘ ทิศ
จากหนึ่งวัตถุมงคลในตำนานของ หลวงปู่สุข วัดโพธิ์ทรายทอง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งหายากมาก สร้างจำนวนน้อย เพียงไม่กี่ชุด เป็นแท่งตะกั่วสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง1นิ้ว ยาว2นิ้ว จำนวน8แท่ง ในแต่ละแท่งด้านหนึ่งจะตอกตัวเลขอารบิก ก้อนละ1ตัว ตั้งแต่เลข1-8 ส่วนอีกด้านจะมียันต์ต่างๆ พุทธคุณเด่นด้านคุ้มครองภัยให้กับเคหสถาน ให้แล้วคลาด โดยในการใช้จะฝังในดินตามทิศทั้ง 8 ทิศ ในสมัยหลวงปู่สร้างตะกั่วแปดทิศออกมา ส่วนใหญ่ตะกั่วแปดทิศจะอยู่กับคหบดี พ่อค้า เจ้าของโรงสี แทบพื้นที่บุรีรัมย์ และใกล้เคียงจะนำตะกั่วแปดทิศไปฝังดินตามทิศทั้ง 8 ทิศ ของบ้านเรือน ตามโรงสี หรือตามพื้นที่ที่ประกอบกิจการ
ด้วยความที่แท่งตะกั่วนี้หายากมาก ประกอบกับตัวผมเอง(ผู้จัดสร้าง)กับพี่ที่เคารพท่านนึงเคยขอหลวงพ่อ(พระอาจารย์บ๊ะ)เมตตาทำแท่งตะกั่วแปดทิศนี้ไว้ฝังที่บ้าน ก็ได้รับประสบการณ์ที่ดีตามคุณแห่งวิชา รวมถึงผมยังมีชนวนตะกั่วเหลืออยู่จำนวนนึง จึงกราบเรียนหลวงพ่อ(พระอาจารย์บ๊ะ) ท่านจึงเพิ่มยันต์ให้อีกชุดนึงสำหรับลงแท่งตะกั่วแท่งที่ ๙ สำหรับฝังไว้กลางที่ดินหรือจะวางที่หิ้งพระก็ได้เช่นกัน พร้อมกันนี้ท่านได้จารยันต์พิเศษไว้ที่แท่งชนวนตะกั่วที่หลอมรวมขึ้นมาจากชนวนตะกั่วหลายอย่าง อาทิ ผาลไถ ลูกสะกด ตะกรุดต่างๆ อานุภาพแท่งตะกั่วฝังในที่ดินล้อมที่ ท่านบอกว่าป้องกันภัยจากสัตว์ร้าย สัตว์มีพิษ สิ่งอัปมงคล คุณไสยมนต์ดำ
แท่งตะกั่วกันภัยใน ๑ ชุด มีทั้งหมด ๙ แท่ง
ขนาดโดยประมาณ
กว้าง ๒ ซ.ม. ยาว ๔ ซ.ม. หนาครึ่ง ซ.ม.
*** ลำดับการฝังแท่งตะกั่วกันภัย***
ให้เริ่มจากทิศตะวันออกก่อน (หมายเลข ๑) แล้ววนตามเข็มนาฬิกามาเรื่อยๆจนจบที่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ (หมายเลข ๘) เมื่อฝังแท่งตะกั่วหมายเลข ๑ ถึง ๘ เรียบร้อยแล้ว สำหรับแท่งสุดท้าย (ด้านหลังหมายเลข ๙) ให้นำไปฝังบริเวณกลางที่ดิน หากมีสิ่งปลูกสร้างไปแล้วให้นำไปวางไว้ที่หิ้งพระแทน เป็นอันเสร็จสมบูรณ์
วิธีการใช้แท่งตะกั่วกันภัย
แท่งตะกั่วกันภัยใน 1 ชุด มีทั้งหมด 9 แท่ง
*** ลำดับการฝังแท่งตะกั่วกันภัย***
เริ่มฝังแท่งตะกั่วจากทิศตะวันออกก่อน (หมายเลข 1)
แล้วฝังแท่งตะกั่วหมายเลข 2 วนตามเข็มนาฬิกามาเรื่อยๆจนถึงทิศตะวันออกเฉียงเหนือ (หมายเลข 8) เมื่อฝังแท่งตะกั่วหมายเลข 1 ถึง 8 เรียบร้อยแล้ว
แท่งสุดท้าย (ด้านหลังหมายเลข 9) ให้นำไปฝังบริเวณกลางที่ดิน หรือ หากมีสิ่งปลูกสร้างไปแล้วให้นำไปวางไว้ที่หิ้งพระแทน เป็นอันเสร็จสมบูรณ์
การฝังแท่งตะกั่ว จะฝังพื้นดิน พื้นปูนได้หมดครับ
หากที่ดินไม่เป็นสี่เหลี่ยมโดยตรง มีมุม มีโค้งเว้า มีสิ่งกีดขวางเช่น ท่อ ต้นไม้ เสาไฟ หรืออื่นๆ ให้ขยับตำแหน่งฝังออกไปได้ ไม่จำเป็นต้องตรงตามทิศเป๊ะ
หากบริเวณที่ต้องการจะฝัง มีการปูกระเบื้องหรือแผ่นหิน ให้ขยับจุดไปบริเวณใกล้เคียง หากสุดวิสัยแล้วจำเป็นจริงๆอาจต้องเจาะเป็นรูเล็กๆแล้วฝังลงไปครับ
***ไม่แนะนำให้วางบนพื้นดิน ดีที่สุดคือต้องฝังในพื้นครับ***
ปล.จะมีหมายเลขที่แท่งตะกั่ว และจะมีแผนผังการฝังแนบไปให้ด้วยครับว่าอันไหนก่อนหลัง
พระอาจารย์บ๊ะท่านได้เมตตาอธิษฐานจิตปลุกเสก วันอาทิตย์ที่ ๖ เมษายน ๒๕๖๘ ช่วงเวลาค่ำ หลวงพ่อเมตตาอธิษฐานจิตปลุกเสกวัตถุมงคล พิธีไทย-จีน-พราหมณ์ อันมีวัตถุมงคลที่ได้เข้าพิธีดังต่อไปนี้
สมเด็จองค์ปฐม พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระศิวะ พระวิษณุ พระพรหม เจ้าทับทิม เหล่าเทพเจ้าเทวดานางฟ้า และคุณครูบาอาจารย์ทั้งหลาย ที่เมตตามาสงเคราะห์ในพิธีนี้อย่างหาที่สุดมิได้
ชุดแท่งตะกั่วกันภัยมีแค่หลักร้อยชุด

มีเพียงชุดเดียวครับ ผมให้บูชา ปิดรายการ จัดส่ง 50 รายการนี้จองได้สามวันครับ
ปล.เป็นอีกหนึ่งรายการที่น่าบูชาครับ เพราะไม่ได้จัดสร้างกันได้บ่อยๆ มีกำลังเก็บไว้ได้ครับ

 

รายการที่ ๙๘
ให้บูชาผ้ายันต์พระปัจเจกพุทธเจ้า ขนาด 5.7x8 นิ้ว ของ เจ้าคุณ
1 ในหน้าประวัติศาสตร์ที่เข้าพุทธาภิเษก วันที่ 16 ก.ค 2565
ก่อนจัดสร้างได้มีการบวงสรวงใหญ่ และขอประทานพุทธานุญาต รวมไปถึงการบวงสรวงบอกกล่าวตามขั้นตอนต่างๆ ที่ถูกต้องสมบูรณ์
หลวงพ่อท่านกล่าวว่า พระปัจเจกพุทธเจ้าที่ลงมาสงเคราะห์ทุกพระองค์ มากจนนับไม่หมด และการนับไม่หมดของหลวงพ่อนั้น ยากมาก!!!
เหมือนกับที่ หลวงพ่อเล็กกล่าวว่า พิธีนี้ สมเด็จองค์ปฐม สมเด็จพระพุทธทีปังกร พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ โดยมี พระพุทธนเสฏปัจเจกพุทธเจ้า สงเคราะห์เป็นประธาน
เข้าพิธีที่วัดโพธิ์ลังการ์
ที่สำคัญคือได้เข้าพิธี วันเสาร์ที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๖๕
พิธีพุทธาภิเษกพระปัจเจกพุทธเจ้า ณ ศาลาพระอินทมุนี วัดโพธิ์ลังกา อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี
โดยครูบาอาจารย์ที่ร่วมอธิษฐานจิตพุทธาภิเษกในพิธีวันนี้ รายนามดังนี้
๑.พระอธิการสิงห์ วิสุทฺโธ(ตุ๊พ่อสิงห์) เจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ อ.ลี้ จ.ลำพูน
๒.ท่านเจ้าคุณพระราชภาวนาพัชรญาณ วิ. ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดสระบุรี เจ้าอาวาสวัดเขาวง(ถ้ำนารายณ์) อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี
๓.พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. รองเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ (๒) เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
๔.ท่านพระครูปลัดสมนึก สุธมฺมถิรสทฺโธ ท่านเจ้าอาวาสวัดจันทาราม(ท่าซุง) อ.เมือง จ.อุทัยธานี
๕.พระอาจารย์ศิริชัย ชยธมฺโม(หลวงพ่อบ๊ะ) วัดโพธิ์ลังกา อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี
และหลวงพ่อบ้ะ ท่านเชิญ พระโพธิสัตว์ มาทุกองค์ ไม่ว่าจะเป็น เจ้าแม่กวนอิม พระกษิติครรภ์ ท่านมัญชุศรี ท่านสมันตภัทร และทุกพระองค์
งานนี้พระอาจารย์เล็ก วัดท่าขนุน ได้กล่าวไว้ในเสียงธรรมของวัดท่าขนุน ประจำวันที่ ๑๖ กรกฏาคม ๒๕๖๕ ว่า(ขอนำข้อความบางช่วงบางตอนมาให้อ่านครับ)
เมื่อทำพิธีสามีจิกรรมเสร็จเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ได้เดินทางต่อไปยังวัดโพธิ์ลังกา ตำบลอินทร์บุรี อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี เพื่อร่วมงานพุทธาภิเษกวัตถุมงคล
เมื่อไปถึงก็พบว่าตุ๊พ่อสิงห์ (พระอธิการสิงห์ วิสุทฺโธ) เจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ ซึ่งเป็นพระเถระผู้ใหญ่ในสายกรรมฐานของหลวงพ่อวัดท่าซุง พระเดชพระคุณพระราชภาวนาพัชรญาณ วิ. (เจ้าคุณหลวงตาวัชรชัย) ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดสระบุรี เจ้าอาวาสวัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) ตลอดจนกระทั่งท่านพระครูปลัดสมนึก สุธมฺมถิรสทฺโธ เจ้าอาวาสวัดจันทาราม (ท่าซุง) ไปถึงโดยพร้อมเพรียงกันแล้ว หลังจากนั้นไม่นาน ท่านอาจารย์บ๊ะ (พระอาจารย์ศิริชัย ชยธมฺโม) แห่งวัดโพธิ์ลังกา เจ้าของพื้นที่ ก็เข้ามาร่วมวงเสวนาด้วย
เมื่อเจ้าภาพได้ส่งรายการวัตถุมงคลมา กระผม/อาตมภาพเห็นว่ามีวัตถุมงคลสมเด็จองค์ปฐมอยู่ด้วย ก็เป็นอันว่างานนี้ตัวใครตัวมัน..! เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าวัตถุมงคลสมเด็จองค์ปฐมนั้น ไม่มีพระพุทธเจ้าองค์ไหน หรือว่าพรหม เทวดา องค์ไหนจะรับเสกให้ ยกเว้นว่าต้องกราบอาราธนาพระองค์ท่านมาเสกด้วยพระองค์เอง แต่เมื่อเริ่มพิธีขึ้นมา กระผม/อาตมภาพกราบครูบาอาจารย์ ไม่ว่าจะเป็นหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง หรือว่าหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค กราบเรียนว่า "ขอถวายภาระเลยนะครับ งานนี้กระผมจะนั่งดูอย่างเดียว" ปรากฏว่าพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านเงื้อไม้เท้าใส่ บอกว่า "เอ็งอย่าหวังว่าจะอู้...! พระท่านสั่งให้ทำอะไรเอ็งก็ทำไป" ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ก็ต้องแล้วแต่พระท่านว่าจะเอาอย่างไรบ้าง ก็เห็นสมเด็จองค์ปฐมเจ้าของงานท่านเสด็จมาแวบหนึ่ง แต่ "แวบหนึ่ง" ของพระองค์ท่านนั้น ถ้าหากว่าเป็นเวลาข้างล่างก็นานทีเดียว หลังจากนั้นพระองค์ท่านก็มอบหมายงานให้กับพระพุทธเจ้ามีนามว่า "ทีปังกร" ดูแลตรงจุดนั้น ซึ่งเมื่อสมเด็จพระพุทธทีปังกรท่านแผ่พระรัศมีลงมา ก็อยากจะบอกว่า "กระจ่างแจ้งสามภพจบสากล" คือเป็นรัศมีสีทองจนกระทั่งกลายเป็นสีขาวสว่างเจิดจ้า ไม่สามารถจะบรรยายได้ว่าสว่างเท่าไร แต่ขอบอกว่ากำลังใจของกระผม/อาตมภาพนั้น โปร่งเบาจนแทบจะเหาะจะบินได้ เมื่อพระองค์ท่านถอนกำลังกลับ ก็ได้กราบอาราธนาพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหมด โดยเฉพาะสมเด็จพระพุทธธนเสฏฐปัจเจกพุทธเจ้า ซึ่งต้องบอกว่าพระองค์ท่านเป็นเจ้าของงานวันนี้ คือเป็นเจ้าของรูปหล่องานนี้โดยตรง ช่วยเสกให้อีกวาระหนึ่ง ซึ่งพระองค์ท่านก็ทำให้แบบเสียไม่ได้ เหตุเพราะว่าบารมีพระที่สงเคราะห์ลงมาก็เหลือล้นแล้ว

พระอาจารย์บ๊ะท่านได้กล่าวว่า
เรื่องเล่าพิธีโลกเอียง...
เมื่อวานนี้ในพิธี สมเด็จองค์ปฐมเสด็จ เมื่อใดก็ตามที่สมเด็จองค์ปฐมเสด็จ พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ต้องเสด็จมาทุกพระองค์... ซึ่งสมเด็จองค์ปฐมเมตตามาพุทธาภิเษกให้ด้วยองค์ท่านเอง และท่านยังได้เมตตามอบให้สมเด็จพระพุทธทีปังกร ซึ่งพระองค์ท่านเป็นเลิศในด้านลาภ ในบรรดาพระพุทธเจ้ามากที่สุด สงเคราะห์ และสมเด็จพระพุทธทีปังกร เมตตาสงเคราะห์เป็นอย่างมาก
ซึ่งตามปกติแล้วพิธีจะสุดแค่นั้น แต่... วาระนี้ในเมื่อเป็นงานขององค์พระปัจเจกพุทธเจ้า... ท่านก็ต้องเมตตาสงเคราะห์ลงมาอีกทุกพระองค์...
ยังไม่รวมพ่อแม่ครูบาอาจารย์ ที่เมตตามา
และหลวงพ่อบ๊ะ ท่านเชิญ พระโพธิสัตว์ มาทุกองค์
ไม่ว่าจะเป็น เจ้าแม่กวนอิม พระกษิติครรภ์ ท่านมัญชุศรี ท่านสมันตภัทร และทุกพระองค์...
ถามว่าโลกจะเอียงมั้ย... 555
หลวงพ่อบอกว่า " วัตถุมงคลในพิธีนี้ภาษาวัยรุ่นเค้าเรียกว่า ปังปุริเย่ "
ซึ่งจริง ๆ ท่านก็เอ่ยมาหลายรอบแล้ว และท่านให้ทำใบรายการวัตถุมงคลที่เข้าพิธีนี้อีกด้วย ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่าแปลกเพราะตามธรรมดาท่านไม่เคยให้ทำซักครั้ง ดังนั้นใครที่มีกำลังและความสามารถก็เก็บๆ กันไว้นะครับ เลือกตามแบบที่ชอบ อีกหน่อยจะหากันไม่มี เพราะไม่ได้มีเยอะมาก...
ขอบคุณครับ
โมทนานะครับ
ผมแบ่งให้บูชา 1 ผืน บูชาผืนละ 380 จัดส่ง 40 จองได้สามวันครับ

 

ขอจองครับ

 

รับทราบการจองรายการที่ ๙๘ ผ้ายันต์พระปัจเจกพุทธเจ้าครับ ขอบพระคุณมากครับ